วิศวกรรมตลาด

Digital Product ทุกวันนี้ไปไวมาก คนทำงานก็ต้องUpskill Reskillกันตลอดเวลา  และคำสองคำที่ผมได้ยินหนาหูมากในช่วงหลายปีก่อนในการสร้างnew digital productนั่นคือ Low-Code และ No-Code platform  ง่ายๆคือ ใครจะทำAppสักตัว เมื่อก่อนต้องเขียนCodeในภาษาที่มนุษย์ทั่วไปไม่รู้จัก แต่ Low Code ก็มาช่วยทุ่นแรงให้คนที่เขียนCodeไม่คล่องสามารถสร้างได้ง่ายขึ้น และ No Code นี่ก็Advanceไปอีกเลยคือคุณไม่ต้องรู้ภาษาอะไรพวกนั้นเลยแค่ลากแล้วแปะ ประหนึ่งใครทำpowerpointที่แปะลิงก์ไปหน้านู้นหน้านี่ได้ ก็ทำAppได้ ง่ายป่ะละ? เอาเป็นว่าใครสนใจก็searchหาดูได้เลยครับมีคนเขียนไว้เยอะมากและดีๆหลายบทความ  แต่วันนี้ ผมจะมาชวนวิเคราะห์Trends ว่าตอนนี้โลกกำลังสนใจตัวไหน? และมันน่าจะส่งผลต่อตลาดงานอย่างไร? Worldwide Search Trend between Low-Code vs No-Code จาก Trends ของโลกในภาพแรกนี้แสดงให้เห็นชัดเจนมากๆว่า กระแสของโลกมุ่งความสนใจไปที่กลุ่ม "No-Code" โดยมีความสนใจในช่วง1ปีนี้กว่า 63.5% และหากดูจากGeography จาก96ประเทศ มี เพียง15ประเทศ เท่านั้นที่มีการค้นหาสนใจ No-Code > Low-Code นั่นคือ โอมาน จีน เ...

ตื้อดือดื่อดือ ตื้อดือดื่อดือ ตื้ดดือดื่อดือดื้อออออออ ... 🔊 เชื่อว่าหลายคนแทบจะร้องออกมาเป็นเสียงได้เลยทันที สำหรับเสียงเรียกเข้าสุดฮิตวันรุ่น90 ก็เพิ่งเห็นข่าวใหญ่ของวงการเทคโนโลยีว่าเมื่อวาน Nokia ได้มีการประกาศเปลี่ยนแปลงโลโก้ใหม่ในรอบกว่า60ปี พร้อมทั้งประกาศทิศทางธุรกิจใหม่ที่ว่าจะเป็น "Business Technology Company" หรือ บริษัทเทคโนโลยีทางธุรกิจ ไม่ใช่บริษัทโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป   ซึ่งมาถึงตรงนี้เด็กรุ่นใหม่อาจไม่รู้จัก แต่ก็มาลองดูกันหน่อยว่า Nokia เคยยิ่งใหญ่ขนาดไหน Nokia เคยมีMarket shareสูงถึง 35.7% ของตลาดโทรศัพท์มือถือ สามารถดูEvolutionของแต่ละช่วงแต่ละปี1993-2021ได้จากลิงก์  https://www.visualcapitalist.com/cp/how-mobile-phone-market-has-evolved-since-1993/ จุดเปลี่ยนในปี 2007 การมาของSmartphoneอย่าง iPhone 2G, Blackberry, Android Timelineที่พบ majority impact to Nokia  และ 2011 จุดขยี้ซ้ำ  ให้Nokiaในตลาดมือถือยิ่งโงหัวไม่ขึ้น เพราะถึงแม้จะพยามไปกับ Microsoft ปล่อยตัว Lumia มาแล้วก็ตาม(เชื่อเถอะ ผมใช้มาแล้ว) ก็ยิ่งยกระดับความเหนือชั้นสร้างความแตกต่างใ...