วิศวกรรมตลาด

  "มึงใส่เสื้อสีเทา!"   เป็นประโยคที่ทำให้เกิดEPนี้ เอาจริงๆมันก็ไม่แปลกหรอกเพราะกะอีแค่เสื้อสีเทา มันผิดตรงไหนวะ?!  ที่มันผิดคือประโยคนี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่ผมเองขาพลิกจากการเล่นแบดฯ แล้วส่งรูป-โทรไปปรึกษาเพื่อนหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬา แต่สิ่งที่ได้ยินประโยคแรกจากแฟนเพื่อนคือ "มึงใส่เสื้อสีเทางัย ฮ่าๆๆๆ" เหมือนกับว่า ความเชื่อ ความศรัทธา ไม่ว่าจะคนยุคไหนก็แลดูจะไม่หายไปจากสังคมไทย แต่คำถามที่น่าสนใจคือ "ความเชื่อเราเปลี่ยนไปไหม?"  เลยลองเอา Goole trend มาดูปริมาณการค้นหาkeywordที่น่าสนใจ โดยในรูปในcontentนี้เอามาแสดงเฉพาะ "สีเสื้อมงคล" กับ "หมอดู" ทั้งนี้ผมเองได้ดูkeywordอื่นๆด้วยเช่น ดูดวง, ดูลายมือ, ไพ่ยิปซี, ฮวงจุ้ย, หมอดู ซึ่งทั้งหมดนี้มีtrendsเดียวกันหมดเลย งั้นเอามาแสดงอันเดียวละกันนะเป็นตัวแทน ทำไมผมถึงเลือกตัวแทนเป็นสองkeywordนี้? นัยยะแฝงสำหรับผมคือ  สีเสื้อมงคล นั้นไม่ได้มีสิ่งศักดิสิทธิ์หรือศาสนาหรือการกราบไหว้ใด มันแค่ความเชื่อต่อวัตถุ นั่นคือสิ่งที่เราเลือกทำเองได้ในแต่ละวัน หมอดู นั้นจะค่อนข้างหรือเอน...

  ตอนทำงานเป็นที่ปรึกษาให้บ.ออกแบบและตกแต่งภายใน เคยสงสัยว่าคนไทยเราสนใจวัสดุชนิดไหน? มากน้อยต่างกันอย่างไร? ไม่ค่อยมีใครตอบได้ชัดๆ ส่วนมากก็บอกว่า แล้วแต่ลูกค้า แล้วแต่งบประมาณ แล้วแต่การออกแบบการใช้งาน...   งั้น... เราลองเริ่มด้วยภาพรวมการค้นหาก่อนดีกว่า ว่าคนไทยมีการค้นหาวัสดุมากน้อยแค่ไหน? ภาพรวมการค้นหาไม้ทั้ง5ชนิดรวมกัน มีอัตราเพิ่มขึ้นและปัจจุบันอยู่ในช่วงคงตัว จะเห็นว่าคนไทยเรามีอัตราการ ค้นหาเรื่องวัสดุภายในเพิ่มขึ้น กว่า2.5เท่า ในช่วง10ปีที่ผ่านมา  โดยในครั้งนี้ผมfocusไปที่วัสดุ5ชนิดคือ  1. ไม้อัด (Plywood) 2. ไม้ HMR (High Moisture Resistance Board) 3. ไม้ MDF (Medium Density Fiberboard) 4. ไม้ OSB (Oriented Strand Board) 5. ไม้ปาร์ติเคิล (Particle Board)  ซึ่งเป็นไม้ที่มักได้ยินจากคนทำงาน ช่าง ผู้ออกแบบ และลูกค้าที่พูดขึ้นมา โดยกราฟท์ภาพรวมนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลของทั้ง5keywords นี้เข้าด้วยกัน หลังจากนั้น ก็มาดูแยกเป็นรายชนิด โดยดูทั้งtime line graph และคำนวณเป็นscore ของปี2023  ทำให้เห็นภาพเร็วๆ 3ข้อดังนี้  1.   "ไม้อัด" ยังเป็นTop of...

สิงหาคม เดือนแห่งวันสำคัญวันหนึ่งของไทย... วันแม่🙏🌼 ผมก็เพิ่งกลายเป็นคุณลุงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้เห็นชัดถึงพฤติกรรมและการกระทำของผู้เป็นแม่อย่างชัดเจน ก็ต้อง ขอแสดงความเคารพและนับถือกับคุณแม่ทุกคนจากใจจริงครับ มา เรามาเข้าเรื่องDataต่อดีกว่า โดยข้อมูลนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากข้อมูลที่เห็นและนัยยะทางสถิติเท่านั้น มิได้มีเหตุเจตนาใดๆ เพียงแต่เห็นว่าหากปล่อยไปเช่นนี้เรื่อยๆ สถาบันครอบครัวแบบไทยๆเราในอนาคต อาจเปลี่ยนไปในทิศทางที่เราอาจไม่คาดฝันหรือไม่ต้องการก็ได้ ว่าแล้วก็มาดูTrends เบาๆหน่อยดีกว่า... สงสัยเรื่องแม่ ก็เอาคำค้นหาอย่าง "แม่" และ "วันแม่"มาเทียบกัน แม่ vs วันแม่ กับการค้นหาที่ลดลง และเห็นไวๆว่าความแตกต่างของเดือนสิงหาคม(Peak)กับเดือนอื่นๆก็ลดลง จะเห็นว่า คำว่าแม่นั้นก็โดดเด่นขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งตรงกับวันแม่ (ตรงตามที่คาด) แต่ที่น่าสนใจคือ... เมื่อดูDensityของแต่ละปี... สังเกตุไหมว่าในกราฟท์สีฟ้าของวันแม่ ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ โดยจากปี2004ถึงปัจจุบัน โดยปีที่วันแม่โดดเด่นสุดคือปี2005, 2006, 2004 ตามลำดับ ในขณะที่คำว่า"แม่" แต่ละปีเพ...

  มีหลายคนถามกันเยอะ ว่างานสายData ตำแหน่งไหนน่าสนใจ ทำงานไหนดี งานไหนไม่ตกงาน  เลยสงสัยว่า แล้วในมุมของคนที่สนใจล่ะ งานส่วนไหน ที่คนสนใจเยอะ  แล้วก็ใช้Google Trends ของฟรี คนดีคนเดิมมาลองตอบคำถามนี้... โดยเคสนี้ ผมสนใจอยู่ 4 function ของงาน Data ซึ่งแตกต่างกันในลักษณะเนื้องานและความสามารถ (ถึงแม้ทุกวันนี้ บริษัทหลายบริษัทจะมองว่ามันคือคนเดียวกัน และคิดว่า IT จะทำเป็นก็เถอะ... (ใครคิดแบบนั้นก็เตรียมตัวพังได้เลย) 1. Data Architect - นักวางระบบ 2. Data Engineer - นักสร้าง 3. Data Scientist - นักทดลอง คิดค้นสิ่งใหม่ 4. Data Analyst - นักวิเคราะห์ ถึงตรงนี้ เมื่อเราแยกจะเห็นว่า ทั้ง4 Rolesนี้ มันน่าจะมีความถนัดต่างกันจริงป่ะ... ผู้วางระบบ อาจจะสร้างไม่ได้ เหมือนสถาปนิกก็อาจจะคำนวนโครงสร้างไม่เป็นหรือมาทำก่ออิฐเองไม่ได้ ผู้วิเคราะห์ อาจจะคิดได้ แปลได้ว่าบ้านนี้จะขายได้ดีไหม  แต่ให้ไปออกแบบเองก็อาจทำไม่เป็น  ทีนี้ ผมเลยลองดูสิ่ว่าใน ไทยและGlobal  มีความสนใจงานDataใดมากกว่ากัน? มาดูGlobal กันก่อนดีกว่า  จะเห็นชัดมากว่า ตั้งแต่ ต้นปี 2023 เป็นต้นมา Data Analay...

Digital Product ทุกวันนี้ไปไวมาก คนทำงานก็ต้องUpskill Reskillกันตลอดเวลา  และคำสองคำที่ผมได้ยินหนาหูมากในช่วงหลายปีก่อนในการสร้างnew digital productนั่นคือ Low-Code และ No-Code platform  ง่ายๆคือ ใครจะทำAppสักตัว เมื่อก่อนต้องเขียนCodeในภาษาที่มนุษย์ทั่วไปไม่รู้จัก แต่ Low Code ก็มาช่วยทุ่นแรงให้คนที่เขียนCodeไม่คล่องสามารถสร้างได้ง่ายขึ้น และ No Code นี่ก็Advanceไปอีกเลยคือคุณไม่ต้องรู้ภาษาอะไรพวกนั้นเลยแค่ลากแล้วแปะ ประหนึ่งใครทำpowerpointที่แปะลิงก์ไปหน้านู้นหน้านี่ได้ ก็ทำAppได้ ง่ายป่ะละ? เอาเป็นว่าใครสนใจก็searchหาดูได้เลยครับมีคนเขียนไว้เยอะมากและดีๆหลายบทความ  แต่วันนี้ ผมจะมาชวนวิเคราะห์Trends ว่าตอนนี้โลกกำลังสนใจตัวไหน? และมันน่าจะส่งผลต่อตลาดงานอย่างไร? Worldwide Search Trend between Low-Code vs No-Code จาก Trends ของโลกในภาพแรกนี้แสดงให้เห็นชัดเจนมากๆว่า กระแสของโลกมุ่งความสนใจไปที่กลุ่ม "No-Code" โดยมีความสนใจในช่วง1ปีนี้กว่า 63.5% และหากดูจากGeography จาก96ประเทศ มี เพียง15ประเทศ เท่านั้นที่มีการค้นหาสนใจ No-Code > Low-Code นั่นคือ โอมาน จีน เ...

ช่วงCovidที่ผ่านมา พวกเรามนุษย์เงินเดือน ผ่านอะไรกันมามาก โดยเฉพาะสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ "ทำสิ่งที่ไม่เคย(ได้)ทำ นั่นคือทำงานจากที่บ้าน" แม้จะเป็นสภาวะบังคับต้องทำก็ตาม แต่ก็ผ่านกันมาได้ และสมัยนั้นถ้าพวกเราจำกันได้ ไม่ว่าจะPodcast, Clubhouse, Panelต่างๆ เหล่าผู้บริหาร กูรูทั้งหลาย ก็เชื่อกันว่า วิกฤตินี้จะทำให้คนไทยตื่นตัวด้านเทคโนโลยีมากขึ้น จะทำให้ บริษัทต่างๆลงทุนทำinfrastructureให้สอดคล้องการเติบโตของโลกที่หมุนไวยิ่งกว่าลูกข่าง จะทำให้ พนักงานพลิกตัว Unlearn Relearn กันอย่างมาก และกลายเป็นTech Savvy work force บลาๆๆๆ  คำถาม....  ไอ้ที่พูดมาข้างบน ณ วันนี้เกิดขึ้นจริงไหม? ไม่ต้องไปนับพวกStartup Tech companyนะ เราย้อนมาดู กลุ่ม SME ผู้ขับเคลื่อนGDP เป็นเดอะแบกให้ประเทศไทยดีกว่า ทุกวันนี้พร้อมแค่ไหน?  สิ่งเหล่านี้ ผมก็ไม่ได้ลุุยหาข้อมูลตรงๆนะ แต่จากที่แอบดูการทำงานของหลายๆที่ รวมถึงเสียของพนักงาน  วันนี้ ผมเลยอยากช่วยเพื่อนๆคิด โดยเอาผลอีกด้านมาดูกันดีกว่าว่า... คนไทยเราน่าจะมีความสุขกับการทำงานในทุกวันนี้แค่ไหน?  CEO พูดกันเท่ห์ เราจะประชุมน้อยลง สร้างProducti...

ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่าของฟรีอย่าง Google Trends จะสามารถนำข้อมูลนู่นนี่นั่นมาปะติดปะต่อได้ Insightคนกินกาแฟได้ วันนี้มาดูinsight สุดท้ายว่า คนไทยกินกาแฟ ร้อน หรือ เย็น ? แน่นอนครับว่าจริงๆผมก็อยากรู้ว่าเมนูไหนร้อน เมนูไหนเย็น แต่ด้วยการที่เราไม่ใช่ผู้collect datasetนี้ ที่เราเอามาจาก google trends ดังนั้น การวิเคราะห์จึงทำได้เท่าที่ data จะมีและเอาจากหลายๆsource มาประมวลผลรวมกัน เริ่มต้นด้วยข้อมูลทางตรงที่ออกมาจากGoogle Trends เป็นปริมาณการค้นหา (Search Volume) จะเห็นว่า กาแฟเย็นมีอัตราการค้นหามากกว่ากาแฟร้อน  ทีนี้เลยสร้างอีกสองเส้นขึ้นมาเพื่อดูทิศทางหรือแนวโน้มคือ 1. Trends line ที่ Lookerมีให้สร้างได้ โดยในที่นี้เป็นเส้นสีอ่อน ก็จะพอเห็นทิศทางของการค้นหาว่ากำลังมีแนวโน้มไปทิศใด ซึ่งทั้งสองเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย กาแฟเย็นค้นหาPeakสุดช่วง มิถุนายน 2020 ส่วน กาแฟร้อนPeakสุดช่วง มกราคม 2018  2. ผมสร้างอีกmatrix ขึ้นมา โดยการสร้าง Running average value เพื่อดูแนวโน้มแบบไม่สนใจการswingของค่าดูว่าหากเอาค่าแต่ละจุดมาเฉลี่ยกันไปเรื่อย ดูแนวโน้มจากค่าเฉลี่ย ก็จะเห็นว่ามีแนวโน้ม...

วันนี้EP2 มาต่อที่สถิติแต่ละเมนู หลังจากเมื่อต้นสัปดาห์ว่าคนไทยกินกาแฟกันกี่โมง กาแฟดำหรือกาแฟนม  และที่นึกไวๆ 6 เมนูหลักๆ นั่นคือ Americano, Espresso, Latte, Cappucino, Mocca และ Machiato โดย6เมนูนี้ ก่อนหน้านี้ ผมได้ group ไปเป็น3กลุ่ม คือกาแฟดำ, กาแฟนม, และกาแฟนมผสม(เช่น Moccaผสมช๊อคโกแลต, Machiatoผสมพวกไซรัปต่างๆเช่นCaramel,hazelnut etc.) มาเริ่มด้วยสถิติเรื่อง   ช่วงเวลา กาแฟดำกินเช้าจบไว  กาแฟนมกินเรื่อยๆตลอดทั้งวัน  กาแฟผสมรสชาติ กินไม่สนใจเวลาเผลอเป็นBoosterของพี่ๆที่ขับรถรอบดึกๆด้วย เพราะจากSearch volumeด้านบนจะเห็นว่า Americano คนไทยจะเริ่มกินตั้งแต่ 7 โมงเช้าเลย และเริ่มลดลงชัดๆช่วงบ่ายสอง Espresso พฤติกรรมน่าจะเริ่มสั่งมากๆช่วง8โมงเช้า แต่เด่นช่วง 11โมง-บ่าย เริ่มลดลงช่วงบ่ายโมง Latte เริ่มเรื่อยๆตั้งแต่7โมง แต่จะสั่งมากช่วง8โมงเป็นต้นไป ลดลงหลังเที่ยง แต่น่าจะมีdemandเรื่อยจนถึง6โมงเย็น Cappucino จะคล้ายๆLatte แต่จะมีความสนใจมากช่วง 9โมง-เที่ยง Mocca น่าสนใจมากกที่มีตัวเลขช่วง 2am, 4am โดดมากๆ ประหนึ่งเป็นกาแฟขวัญใจคนใช้ชีวิตช่วงดึก Machiato ก็น...