Covidผ่านไป คิดว่าจะทำให้เราทำงานกันadvanceขึ้น ที่ไหนได้.... Sufferหนักกว่าเดิม!


ช่วงCovidที่ผ่านมา พวกเรามนุษย์เงินเดือน ผ่านอะไรกันมามาก โดยเฉพาะสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ

"ทำสิ่งที่ไม่เคย(ได้)ทำ นั่นคือทำงานจากที่บ้าน"

แม้จะเป็นสภาวะบังคับต้องทำก็ตาม แต่ก็ผ่านกันมาได้

และสมัยนั้นถ้าพวกเราจำกันได้ ไม่ว่าจะPodcast, Clubhouse, Panelต่างๆ
เหล่าผู้บริหาร กูรูทั้งหลาย ก็เชื่อกันว่า วิกฤตินี้จะทำให้คนไทยตื่นตัวด้านเทคโนโลยีมากขึ้น

จะทำให้ บริษัทต่างๆลงทุนทำinfrastructureให้สอดคล้องการเติบโตของโลกที่หมุนไวยิ่งกว่าลูกข่าง

จะทำให้ พนักงานพลิกตัว Unlearn Relearn กันอย่างมาก และกลายเป็นTech Savvy work force

บลาๆๆๆ 


คำถาม.... ไอ้ที่พูดมาข้างบน ณ วันนี้เกิดขึ้นจริงไหม?


ไม่ต้องไปนับพวกStartup Tech companyนะ เราย้อนมาดู กลุ่ม SME ผู้ขับเคลื่อนGDP เป็นเดอะแบกให้ประเทศไทยดีกว่า ทุกวันนี้พร้อมแค่ไหน? 


สิ่งเหล่านี้ ผมก็ไม่ได้ลุุยหาข้อมูลตรงๆนะ แต่จากที่แอบดูการทำงานของหลายๆที่ รวมถึงเสียของพนักงาน 

วันนี้ ผมเลยอยากช่วยเพื่อนๆคิด โดยเอาผลอีกด้านมาดูกันดีกว่าว่า...


คนไทยเราน่าจะมีความสุขกับการทำงานในทุกวันนี้แค่ไหน? 


CEO พูดกันเท่ห์ เราจะประชุมน้อยลง สร้างProductivity มากขึ้น จริงเหรอ? 

CEO พูดกันหล่อๆ พนักงานเราต้องมีความสุข มีwork life balance, work life integrate หรือ cliche wordอีกอะไรเยอะแยะ จริงป่ะ? ถามจริงตอนไปฟิตเนสยังดูมือถือทำงานกันไหม

CEO บอกว่าเราจะสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพื่อดึงTalented person ถถถ ทุกวันนี้เรียกกลับเข้าออฟฟิส เต็มสตรีม รถติดบรรลัย

เอาจริงๆ มันมีหลายประเด็นนะ แต่วันนี้เราลองมาscope toดีกว่าว่า..

ประชุมน้อยลง Work-life balance WorkAnywhere TechSavvy!!!?

สิ่งเหล่านี้วัดจากอะไรดี

ผมเลยลองทำง่ายๆ ด้วย Keyword 3 คำคือ....

1. Meeting 

2. Work from home 

3. Work life balance 


บอกเลยว่า กราฟท์สวยจัด ฮ่าๆๆๆ 

(ภายใต้เสียงฮา มีน้ำตาซ่อนอยู่😭)

เปรียบเทียบความระหว่าง การประชุม vs Workfromhome โดยนิยามว่าการประชุมอาจเพิ่มขึ้นได้ ถ้ามีการทำงานWorkfromhomeมากขึ้น ในทางกลับกัน ถ้ากลับมาทำงานที่ออฟฟิสการประชุมควรลดลง.. แต่ในไทยการประชุมดูเหมือนลดลงน้อย...


นไทยถวิลหาอิสระในการทำงานแบบ มองหาwork-life balanceมากแต่ไม่ได้

คนไทย น่าจะมีโอกาสในการทำงานแบบWork from homeน้อยลง กล่าวคือ ถูกเรียกกลับไปทำงานในออฟฟิสมากกว่าอีกหลายๆประเทศ จริงๆไม่จริงก็อาจprooveได้อีกชั้นด้วย รถติด! 

หลังโควิดมา ไอ้หย๋าาาคนไทย ประชุมเยอะขึ้นกว่าเดิมอีก!!! 

เป็นไปได้มากว่าติดจากการทำงานในช่วงCovid ซึ่งสิ่งดีคือมีTimeslotในการทำงานกันชัดเจน แต่ขอให้มันเป็นslotทำงานหรือทำงานร่วมกัน ไม่ใช่มาประชุม แล้วไม่เกิดงาน มีแต่อะไรลมๆแล้งๆ่


โดยจาก statนี้ ไทยเรามีแนวโน้มมีประชุมมากขึ้น 65.8% (เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าโควิด) ในขณะที่Worldwide เพิ่มขึ้น 37.6% ***ตัวเลขนี้อาจไม่ใช่ข้อมูลจำนวนทางตรง เช่นไม่ได้เอามาจากจำนวนmeetingที่เพิ่มขึ้น แต่มันคือIndicatorชั้นดีที่บ่งบอกว่า ไทยเราอาจsufferกับการประชุมมากกว่าworld wide ถึง2เท่า!

ในทางกลับกัน Indicator ของ work from home /หรือจะ work anywhereนั้น ในต่างประเทศเติบโตขึ้นกว่า 110.8% ในขณะที่บ้านเรามีตัวเลขอยู่เพียง 73.5% เท่านั้น นั่นหมายถึงว่า เรามีแนวโน้มมีอิสระในการทำงาน(โดยเจ้านายไม่ด่าเนี่ย)น้อยว่าในต่างประเทศ


ทีนี้ เมื่อสมมติฐานและประสบการณ์ของเราที่ผ่านช่วงCovidมา การที่เราทำงานแบบWork from homeหรือWorkanywhere มันทำให้การประชุมเราเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหากเรากลับมาทำงานปรกติonsite ประชุมมันควรลดลง

 
แต่.... เมื่อเราดูเส้นกราฟท์ จะเห็นว่า ด้วยindicator สองตัวนี้ สำหรับWorldwide meeting เพิ่มขึ้นก็จริง แต่มีทิศทางลดลงและคงที่ ในขณะที่แนวโน้มการทำงานแบบWorkfromhomeเพิ่มขึ้น! ... 
ถ้าเรามองเป็นDemand vs Supply... มันก็ไปในทิศทางเดียวกันกับของพนักงาน

ในทางตรงกันข้ามบ้านเรา แม้ผ่านโควิดมาแล้ว meetingก็ลดลงไม่ได้มาก แถมเพิ่งจะเริ่มลดลงช้ากว่าเมืองนอกอีก โดยเริ่มdropตอนปลายปี2022นี่เอง (โดนmeetingนวดให้suffer นานกว่าเมืองนอกเยอะ) มิหนำซ้ำ ยังมีแนวโน้มของworkfromhome ลดลงแบบฉุดกระชากอีก... โอ้โห... 


เพิ่มWork-life balance เข้าไปในสมการ อั๊ยหย๋าไทยเราอยากได้แต่มันสวนทางกับที่ บ. อาจมีให้


ยัง ยังไม่หมด บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเราลองดูด่วยindicator 3 keywords มันยังเหลืออีกตัว...

เมื่อเราเพิ่มสิ่งที่พนักงานส่วนใหญ่มองหานั่นคือ "Work-life Balance" 
มันตอบชัดขึ้นมากว่า คนไทยเรามองหามันมากๆ และมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
แต่มันส่วนทางกับ supplyที่มีให้มัน ซึ่งสิ่งหนึ่งคือ work from home หรือ work anywhere


โดยในภาพ จะเห็นว่า การค้นหา Work-Life Balance ในไทยนั้น เพิ่มขึ้นกว่า 201% เมื่อเทียบกับก่อนcovid ในขณะที่ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 40.9% เท่านั้น

แต่จากdemand supply ทิ่อธิบายไปก่อนหน้า มันไม่มีให้... 


แล้วมึงทำStatนี้มาทำไมวะ???

คำถามที่อาจเกิดขึ้นในจิตใจ ภาพนี้มันอาจกำลังบอกว่า
พนักงานออฟฟิสของไทยเราส่วนใหญ่ อาจกำลังประสบกับปัญหาการDistractionจากงานประจำเพื่อมาประชุมที่มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้อีกสิ่งที่เคยคาดการณ์กันเรื่อง The great resignation ก็อาจจะเป็นจริงได้...


ในอีกมุมหนึ่งคือคนไทยเราอาจไม่ได้รู้สึกว่ามีคุณภาพชีวิตหรืออิสระในการทำงานอย่างที่หวังไว้ว่าจะเจอหลังโควิด และนี่คือสัญญาณเตือนฝ่ายHR และบริหาร ให้หันมองดูพนักงานของเราให้ดี...



จริงอยู่ ว่าdatasetนี้เป็นเพียงtrend ไม่สามารถบอกจำนวนที่แท้จริงได้เป๊ะๆว่ากี่ครั้ง กี่คน บอกได้แค่ว่าช่วงไหนมากหรือน้อยกว่ากันอย่างไร แต่... มันก็ทำให้เห็นทิศทางได้ และถ้าผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านนั้นๆ ยังคงเพิกเฉย... ตัวเราเองที่เป็นพนักงานก็อาจพิจารณาได้ละว่า... จะเอางัยต่อดี กับองค์กรที่ขับเคลื่อนแบบนี้...



และสิ่งหนึ่งที่อยากฝาก Meeting อาจมีมากได้ แต่...


ต้องมีPurposeชัดเจน ไม่พร่ำเพรื่อ ไม่นาน ไม่เวิ่นเว้อ ที่สำคัญไม่เกี่ยวหรือไม่มีประโยชน์ก็ไม่ต้องเรียกมา



ปล. ระหว่างนั่งวิเคราะห์ ก็หาข้อมูลอื่นเพิ่มเติม เออ เจอคนทำแบบสอบถามเหมือนกัน และพบว่า หลังโควิดในต่างประเทศก็มีจำนวนการmeetingเพิ่มขึ้นเหมือนกันตามที่วิเคราะห์จากtrendsนี้.. : https://www.linkedin.com/pulse/office-meetings-before-after-pandemic-tamojit-saha/


 #วิศวกรรมตลาด
Follow more insight on


Popular posts from this blog

Data Job Trend : งานสายดาต้าตำแหน่งไหนมาแรง?

ร้านกาแฟเปิดตอนไหนดี? คนไทยน่าจะกินกาแฟแบบไหน? COFFEE Trends Decide by data EP1

คนไทยกินกาแฟร้อนหรือเย็น? COFFEE Trends Decide by data EP3