ไทยเราพร้อมกับโลกที่หมุนไว ในวันที่ChatGPTมาถึงแล้วหรือยัง?
ผมเป็นคนนึงที่อยู่กับ Technology การประยุคใช้มันให้เข้ากับbusiness มาตลอดสิบกว่าปีที่มา
คำถามหนึ่งที่มักผุดขึ้นมาคือ ทำไมบ้านเราถึงยังไปไม่ถึงไหน? ทั้งๆที่ก็ดูทันสมัยมากๆ
- มี5Gคลุมแทบทุกหย่อมหญ้าของประเทศ
- มีมือถือsmartphoneใช้อยู่ในอันดับ13ของโลกโดยทีคนเกินครึ่งใช้smartphone(smartphone penetration 59.3%)
- หรือแม้แต่ internet speed ก็อยู่ในอันดับ10ของโลกที่เฉลี่ย 260Mbps
ดูเหมือนว่า infrastructureสำหรับdigitalเรามีความพร้อมพอสมควรนะ
แต่ทำไม? ทำไม? และทำไม? หลายคนยังดูถูกประเทศไทยกันอยู่ละ? น่าสนใจนะ
โดยประสบการณ์ส่วนตัวก็ประสบปัญหานี้และตั้งคำถามนี้ตลอด ซึ่งสิ่งหนึ่งที่มักพบเจอปัญหาในไทยเราคือ "ความฉาบฉวย"
สนใจแต่ไม่ใส่ใจ
สนใจแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญ
ต้องรู้ก่อน แต่ไม่ได้รู้จริง
ใช้ก่อนใคร แต่ไม่ได้เข้าใจ
เป็นสิ่งที่ผมเจอค่อนข้างบ่อยมากๆในบริษัทและSMEไทย
ทำให้หลายครั้งเลยเหมือนทำธุรกิจเพื่อสร้างกระแสหรืออยู่บนกระแส
แต่หาเนื้อแท้ไม่ค่อยเจอ...
วันนี้ผมเลยลองเอาสิ่งหนึ่งที่อาจพิสูจน์ความขี้เห่อของพวกเรามาลองดูกัน
ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้ เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ChatGPT ที่กำลังมาเป็นกระแสตอนนี้
หลายคนว่าอาจจะเป็นหมัดเด็ดที่ Google อาจต้องเป็นกังวล
หลายคนพูดถึงตำแหน่งงานที่อาจหายไปมากมาย
หลายคนพูดถึงนวัตกรรมการทำงานในโลกยุคใหม่ที่จะเปลี่ยนไป
ใช่ครับ ผมก็เชื่อว่ามันจะเปลี่ยนไป และเปลี่ยนไปมากกว่าแต่ก่อนมากๆ
โดยมันทั้งจะตัดงานที่ไม่จำเป็นออกไปมากๆ
แต่มันก็จะสร้างงานในรูปแบบใหม่เยอะมากเช่นกัน
เช่น นักการตลาด ก็อาจเขียนCodeอย่างง่ายๆเองได้ โดยแค่ถามChatGPT
นั่นหมายถึงคนทำงาน ก็แค่ต้องมีSkill และกระบวนการคิดใหม่ขึ้น
ไม่ทำงานแบบเดิม Unlearn Relearn ความรู้ใหม่ที่อาจเก่าได้อย่างรวดเร็ว
แต่ถึงกระนั้น"แก่น" หรือองค์ความรู้ที่จะตัดสินใจทำอะไร ไม่ทำอะไร เลือกอะไรไม่เชื่ออะไร
ยังคงเป็นมนุษย์ที่ใช้ข้อมูลที่ก้าวล้ำ รวดเร็วนั้นอยู่ดี
คนไทยสนใจChatGPTหรือTechnologyจริงๆมากแค่ไหน?
นั่นจึงเป็นคำถามของการค้นหาInsightในวันนี้
ซึ่งจาก Google Trend การค้นหาคำว่า GPT (ซึ่งตอนนี้จากที่ค้นดูแทบทั้งหมดมุ่งไปที่ChatGPT) ในภาพข้างบนจะเห็นว่า คนไทยมีอัตราการค้นหาสูงมาก แทบจะทันทีใน1สัปดาห์หลังจากเริ่มพูดถึงเรื่องนี้
ซึ่งก็ตามtrendเดียวกับกระแสโลก ที่มีการเริ่มตื่นตัวภายใน3-7วัน
แต่กราฟหลังจากนั้นก็คือ... ความสนใจค้นหาลดลงหรือทรงตัวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ผงาดหัวขึ้นไป double/trippleเหมือนกราฟความสนใจของworldwide และแม้แต่มี Bard, Ernie ก็กระตุกการค้นหากลับมาเท่าเดิม...
และเมื่อดูแล้ว การมาของ ChatGPT (Chat Generative Pre-trained Transformer)
ก็กระตุกกระแส Ai (Artificial Intelligence) มากกว่าเรื่องอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวพันกับคับว่าAi ทั้งๆที่Aiเองก็มีมาช้านานแล้ว จะว่าไปเป็นสิบปีแล้วก็ได้ที่มีการพูดถึงเรื่อง Ai Ar Vr หรืออย่าง Teslaที่คนพูดถึง Driverless และ Ai ก็ยังไม่สามารถกระตุกกระตุ้นความสนใจเรื่อง Ai ได้มากเท่า ChatGPT
โดยจากการวิเคราะห์ย้อนหลัง5ปี ปัจจัยที่ทำให้คนสนใจเรื่องAi มากที่สุดคือการมาของ Siri ผู้ช่วยอัจฉริยะในปี 2011 และวันนี้ ChatGPTมันสร้างการแสการค้นหาAiมากกว่าSiriอีก และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง
และถ้ามันมีศักยภาพที่จะกระทบต่อกลไกตลาดงานได้ขนาดนี้
แน่นอนมันต้องกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมหาศาลเช่นกัน!
ผมคาดการณ์ส่วนตัวว่า ChatGPTจะสามารถDisrupt digital actionได้มากถึง90% และอาจเห็นผลกระทบวงกว้างทั้งด้านบวกและลบ ได้มากกว่า uber มากระทบ taxi หรือ E-Commerce มากระทบห้างร้านเสียอีก
ถ้ามันอาจมีผลมากขนาดนี้ แต่ทำไมพี่ไทยเราเห่ออยู่เพียงสัปดาห์เดียว?
หลายคนอาจถามว่า ผมมาสรุปแค่นี้ได้อย่างไรว่าคนไทยขี้เห่อ...
ใช่ครับ เราต้องไม่สรุปแค่นี้ เพียงแค่นี้มันไม่พอ
ต่อไปงั้นเราไปดูเปรียบเทียบประเทศที่เราคิดว่าเค้าคือประเทศมหาอำนาจ หรือประเทศทีเรายกให้ว่ามีการสรรสร้างนวัตกรรมเยอะๆกันดีกว่า
USA (Search #52)
USA, California (ถิ่นSilicon Valley แหล่งกำเนิดวัฒนธรรมStartupและเทคโนโลยียุคศตวรรษที่21อย่างมากมาย)
UK (Search #48)
Germany (Search #19 เทคโนโลยีหลายสิ่งเริ่มต้นที่นี่ เช่น ABS, Traction control, Sensor for autonomous car)
Russia (Search #79)
China (Search #12 อาจต้องคำนึงว่า search engine google อาจไม่ได้effectiveมากนักในจีน เนื่องจากการปิดกันจากรัฐบาล และการใช้search engineของจีนเองอย่าง Baidu ผมจึงไม่เก็บภาพมาให้ดู แต่ใครสนใจลองไปเปิดดูเองได้นะครับ)
ต่อไปลองใกล้เรามาอีกนิด ข้ามมาดูฝั่งAsiaกันบ้างดีกว่า
Nepal (Search #1: ประเทศที่มีอัตราการค้นหา GPT สูงสุด)
Israel (Search #2: ประเทศที่เชื่อว่ามีstartupหนาแน่นกว่า Silicon valley)
South Korea (Search #27)
India (Search #40)
Japan (Search #78)
ไกลไปเหรอ งั้นลองย่อลงมาดูเพื่อนบ้านในAseanเราดีกว่า
Vietnam (Search #32 เริ่มค้นหาช้าที่สุด แต่อาจจะมากที่สุดเพราะขึ้นมาถึงRank32ภายใน10วันเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับไทยเราที่อยู่rank67 ที่เริ่มค้นหามาเกือบ2เดือน!)
Singapore (Search #34)
Malaysia (Search #72)
ส่วนไทยเรานั้น อันดับการค้นหาทั้งหมดอยู่ในอันดับที่ #67 ดูกันอีกครั้งว่าคุณๆคิดเหมือนผมไหม
จะเห็นว่าแทบทุกประเทศมีการเติบโตของการค้นหาเรื่องChatGPTอย่างต่อเนื่องและเป็นทิศทางเติบโต ไม่ใช่คงที่ ไม่ตกลง และยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆกว่าวันแรกที่ChatGPTเริ่มเปิดตัวยกเว้นไทย
นัยยะคือ มีการค้นหาอย่างต่อเนื่อง มีการให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นซึ่งตรงกันข้ามกับไทยเราที่มีการสนใจเป็น Hype แค่สัปดาห์เดียว
หลังจากนั้นแม้มีข่าวใหม่อย่าง Bard, Ernie ของ microsoft และ Baidu ก็กระตุ้นมาการค้นหาอยู่บ้าง
แต่ปริมาณการค้นหายังไม่เกินไปจากสัปดาห์แรกนั้น ก็อาจอนุมานได้ว่าคนที่ค้นหาอาจยังอยู่ในกลุ่มเดิม ความสนใจไม่ได้เพิ่มขึ้นในวงกว้างกว่าเดิมซึ่งก็ต่างจากประเทศอื่นเช่นกัน
ดังนั้นถ้าเราจะพูดถึงกระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้เติบโตอย่าง Life long learning แล้วละก็...
ภาพนี้คงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กระบวนการเรียนรู้นอกตำรา ความสนใจด้วยตนเองของบ้านเราเป็นอย่างไร
แล้วอย่างนี้... จะสู้ใครเขาได้!?
แล้วที่พูดๆกัน มองหา Lifelong learning มันจะมีจริงไหมกับคนไทย?
ก็ทำให้นึกถึงอีกหนึ่งคำถามของวงการstartup ที่มักได้ยินคำถามที่ว่าทำไมบ้านเราไม่มี Unicorn หรือมีน้อยมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน
ไม่มีนวัตกรรมยานยนต์ของตนเองในขณะที่Vietnam Malaysia ก็มียี่ห้อของตนเองหมดแล้วทั้งๆที่ไทยเคยได้รับสมญานาม Detriot Asia ณ วันนี้กลับไม่มีเลย
พวกเราเป็นคนประเภทไหนแน่?
เราเป็นพวกขวนขวายหา โหยหาและนำสมัยจริงไหม?
เรามีSkillsสำหรับโลกยุคใหม่แล้วหรือยัง?
และที่สำคัญ
เรามองโลกแบบที่เราเห็น หรือมองแบบที่เราอยากเห็น
ก็นั่นแหละนะครับ นักการตลาดที่ดี เราควรมองเห็นลูกค้าตัวเองให้ทะลุปรุโปร่ง เข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง Put yourself in her shoes
เหมือนที่คุณโจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะเคยเขียนไว้ในเพจ"เขียนไว้ให้เธอ"ว่า
การทำงานการบริหารที่ดีควรเริ่มด้วย"ตีน" ออกเดินค้นหาความจริง ลดอัตตาตัวตน รับฟังเสียงรอบข้าง จะได้รู้ได้เห็นได้เข้าใจ และสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อตลาดที่มีคนต้องการใช้ได้ ไม่ใช่มโนเอาว่าเขาจะอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้แล้วไปยัดเยียด
ถึงตรงนี้ จากข้อมูลข้างบนผมจึงสรุปสั้นๆ 3ข้อ สำหรับChatGPTกับคนไทย
- เข้าถึงไว หูตาไว รู้ก่อนใคร ไม่ตกกระแส
(จากการตื่นตัวค้นหาภายใน1สัปดาห์หลังSilicon valley ซึ่งเร็วกว่าเกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ) - แต่คนที่สนใจคาดว่าอยู่ในวงจำกัด
(จากจำนวนการsearchที่ไม่มากนัก และแม้มีข่าวใหม่ก็ยังไม่ได้โตขึ้น) - คนหมู่มากอาจไม่ได้สนใจ และไม่ตื่นตัวพอ
(เช่นเดียวกับข้อ2 ที่อัตราการsearchไม่ได้ Growth ไม่เหมือนbehaviorของประเทศอื่นๆหรือของภาพรวมโลก)
จริงอยู่ว่าเรื่องนี้อาจไม่สามารถตอบแทนคำว่าTechnologyได้ทั้งหมด แต่มันดูมีนัยยะสำคัญ
และหวังว่าอาจช่วยกระตุ้นต่อมเอ๊ะ!ของพวกเราเองแล้วนะครับ ว่าเราพร้อมกับโลกในยุค21th Centuryนี้แล้วใช่ไหม
#วิศวกรรมตลาด
Follow more insight on
เสริมข้อมูลหน่อยกับ 5จังหวัดที่ค้นหา ChatGPTมากสุด น้อยสุดของไทย
5 จังหวัดที่สนใจค้นหาเรื่องChatGPTมากสุดคือ
#1 ภูเก็ต (100)
#2 เชียงใหม่ (100)
#3 นนทบุรี (98)
#4 กรุงเทพ (96)
#5 ปทุมธานี (78)
ก็ค่อนข้างเข้าใจได้ เพราะเป็นจังหวัดของเหล่า Digital Nomad ทั้งนั้นเลย
ส่วนจังหวัดที่ค้นหาน้อยสุดคือ
#68 อุตรดิตถ์ (21)
#69 สระแก้ว (18)
#70 นราธิวาส (15)
#71 กาฬสินธุ์ (14)
#72 ชัยภูมิ (13)
ส่วน 5 จังหวัดที่ไม่มีข้อมูลการค้นหาเลยคือ
มุกดาหาร
สมุทรสงคราม
พัทลุง
สตูล
ระนอง
พ่อเมืองจังหวัดเหล่านี้ควรเริ่มกระตุ้นชาวบ้านได้แล้วนะครับ!
ข้อมูล ณ วันที่ 11 Feb 2023
และ Ref Key Date!:
4 Oct 11: Siri officially lauch on iphone 4s
30 Nov 22: ChatGPT (OpenAi)
7 Feb 23: Bard (Google's ChatGPT)
7 Feb 23: Ernie (Baidu's ChatGPT)
7 Feb 23: Microsoft integrate feature ChatGPT with Bing and MS-Team
Comments
Post a Comment