CaseStudy : ประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดกีฬาด้วยGoogleTrends
แต่ก็นะในยุคCapitalismเต็มตัวแบบนี้ก็ไม่แปลกหากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
ผมก็เลยสงสัยว่าเออ...
เราจะประเมินมูลค่าโดยการใช้ GG Trends
เพื่อคาดการณ์โอกาสที่มีต่อเศรษฐกิจได้ไหม?
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่ทุกคนจะได้ดู อย่าเพิ่งเชื่อผมนะ ผมเพียงแค่เคยใช้วิธีคล้ายๆกันนี้ในการประเมินโอกาสทางธุรกิจหลายๆตัวที่เคยเป็นที่ปรึกษา แล้วมันพอประมาณการทิศทางได้ค่อนข้างน่าสนใจ เลยอยากเอามาลองให้ดูบ้าง
หากใครเอาไปประยุกต์ใช้ได้ก็ลองดูนะครับ หรือถ้าใครคิดไม่ออกว่าจะเอามาใช้กับธุรกิจตัวเองอย่างไรได้บ้างก็ยินดีครับ หลังไมค์มาได้ 😁
หากใครเอาไปประยุกต์ใช้ได้ก็ลองดูนะครับ หรือถ้าใครคิดไม่ออกว่าจะเอามาใช้กับธุรกิจตัวเองอย่างไรได้บ้างก็ยินดีครับ หลังไมค์มาได้ 😁
ว่าแล้วก็มาลองดูกัน...
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าทำไมผมถึงเลือกลองใช้วิธีนี้ เพราะGoogleTrends แสดงถึงค่าความสนใจของคนที่ค้นหาบนinternet ดังนั้น ถ้าเราจะเอามาเป็นตัวชี้วัดโอกาสทางธุรกิจ มันก็น่าจะได้นะ... อันนี้คือตั้งสมมติฐานไว้ก่อน
ที่นี้เรามาดู"ความสนใจ" หรือ Interest ของ sport activity ต่างๆที่น่าสนใจก่อน
โดยมหกรรมกีฬาที่ผมคิดว่าคนไทยน่าจะสนใจน่าจะมีอยู่ไม่กี่ตัว นั่นคือ
- Sea Games: กีฬาของภูมิภาคSEAsia ตัวเจ้าปัญหานี้ (2ปีครั้ง)
- Asian Games: กีฬาของชาว Asia 46ประเทศ
- Olympic: มหกรรมกีฬาของชาวโลก ถือเป็นจุดสูงสุดของนักกีฬาทุกประเภท
- World Cup: ฟุตบอลโลก จุดสูงสุดของวงการฟุตบอล กีฬาที่น่าจะมีความนิยมสูงสุดของคนไทย และเพิ่งมีเรื่องค่าลิขสิทธิ์ที่ผ่านมา
โดยได้ผลตามรูปที่1 จะเห็นว่ามหกรรมที่เห็นได้ชัดว่ามีความสนใจสูงสุดคือ บอลโลก(สีเขียว) และ โอลิมปิก(สีเหลือง)รองลงมาตามลำดับ ซึ่งน่าสนใจตรงที่โอลิมปิกในช่วง3ครั้งล่าสุดมีคนให้ความสนใจลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง(ตั้งแต่ปี2012เป็นต้นมา และมีผลคล้ายกันบนAsian&Sea Games) ในขณะที่บอลโลกยังคงความน่าสนใจไว้ได้อยู่
ทีนี้ จากโจทย์ที่เราตั้งไว้ ในเมื่อGGTrends มันไม่ได้บอกค่าตรงๆให้เรานี่นา
แล้วเราอยากรู้ว่ามันจะแปรเปลี่ยนความสนใจ 0-100% ไปเป็นตัวเลขทางการเงินอะไรบางอย่างได้อย่างไร? เพื่อตอบคำถามที่ว่ามันจะคุ้มค่าต่อการจ่ายเงินซื้อลิขสิทธิ์นี้ไหม?
แล้วเราอยากรู้ว่ามันจะแปรเปลี่ยนความสนใจ 0-100% ไปเป็นตัวเลขทางการเงินอะไรบางอย่างได้อย่างไร? เพื่อตอบคำถามที่ว่ามันจะคุ้มค่าต่อการจ่ายเงินซื้อลิขสิทธิ์นี้ไหม?
Export มันออกมาครับ เพราะกราฟท์หรือตารางต่างๆในGGTrendsนี่สามารถexportเป็น CSV ได้เลย
รูปที่2: ตัวอย่างผลลัพท์ที่exportมาจากGoogle Trends
เมื่อเราExportมาแล้ว ผมจึงเริ่มการคำนวณ
โดยครั้งนี้ ผมexportมาตั้งแต่ปี 2004 - 2023 นี่เลย (9/3/2023)
โดยครั้งนี้ ผมexportมาตั้งแต่ปี 2004 - 2023 นี่เลย (9/3/2023)
ขั้นแรก ผมจะหา Average Interest Value ของค่าความสนใจนี้ก่อน เพราะอย่างที่เห็นในกราฟท์ มันมีทั้งpeak ที่100 หรือแทบไม่มีคนหาเลยที่ 0 ก็มี ก็ใช้สูตรธรรมดาๆเลย
InterestAverageValue =Average(X:Y)
ขั้นที่สอง ผมเอาไปประเมินค่าตัวคูณ (Factor)ของมันเนี่ยน่าจะมีค่าเท่าใด โดยเคสนี้ ผมคิดว่าค่าตัวคูณน่าจะมีผลปัจจัยอีกอันที่สำคัญคือ"ความถี่" ซึ่ง SeaGamesจัดขึ้น2ปีครั้ง ส่วนมหกรรมกีฬาที่เหลือจัด4ปีครั้ง ผมก็จับคูณตรงๆเลย คิดเอาว่ายิ่งนานจัดยิงน่าสนใจ
InterestFactor = InterestAverageValue*FreqYrs
ตรงนี้ผมก็คิดว่าน่าจะได้ตัวคูณfactorของความน่าสนใจละ
ทีนี้พอเราจะประเมินเป็นโอกาสทางธุรกิจเนอะ
เราก็ต้องพยามตีค่าเป็นเงิน.... แล้วเท่าไหร่ล่ะ?
ผมเลยลองประมาณว่าหากมีEventนี้เกิดขึ้น
ก็คาดว่าคนจะกระตุ้นใช้เงินมากขึ้นเช่นสังสรรค์ดูกีฬา รวมกลุ่มรวมก๊วนกันเชียร์กีฬาที่ชอบ ฯลฯ
ก็คาดว่าคนจะกระตุ้นใช้เงินมากขึ้นเช่นสังสรรค์ดูกีฬา รวมกลุ่มรวมก๊วนกันเชียร์กีฬาที่ชอบ ฯลฯ
ซึ่งก็assumeว่า
เราก็จะคาดการณ์ได้ว่าน่าจะมีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากแต่ละมหกรรมกีฬาดังนี้
แค่อยากลองเอามาชวนเพื่อนๆคิดดูเล่นๆเป็นCaseStudyของการใช้ประโยชน์GoogleTrendsในอีกมิติก็เท่านั้น เผื่อเพื่อนๆในสายStrategyจะเอาไปลองคิดต่อยอดกับธุรกิจของตัวเอง เหมือนที่ผมช่วยหลายธุรกิจให้Successในยุคที่อะไรก็Uncertaintyนี้ได้
ปล. ถ้าคุณคิดว่าเลข32ล้านบาท ทำไมมันดูน้อยจัง ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ
แต่ถ้าจะตอบคำถามนี้ได้ ผมก็อยากจะถามทุกคนที่มีโอกาสได้อ่านสิ่งนี้ถามตัวเองเร็วๆว่า ถ้ามีกีฬาซีเกมส์คุณจะตั้งใจนัดเพื่อนๆออกไปดูนัดสำคัญนั้นๆอย่างจริงจังทุกmatchที่ร้านอาหารข้างนอก เหมือนตอนนัดเพื่อนไปดูบอลโลกไหม? หรือทำตัวตามปรกติเหมือนทุกวันทั่วไป? นั่นล่ะครับคำตอบ...
- คนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจคือกลุ่มคนวัยทำงาน ที่มีอยู่39ล้านคน จากประชากร71ล้านคน
- คาดว่ากีฬานั้นจะมีผลต่อการใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นต่อคนประมาณ3เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ (โดยในตารางนี้ผมตีกลมๆ1000บาท)
- คิดว่ากิจกรรมที่คนให้ความสนใจมาก จะมีโอกาสทำให้คนรวมตัวกันหรือใช้เงินมากกว่ากิจกรรมที่คนสนใจน้อย (เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสนใจ)
ผมเลยคิดสูตรตัวแปรขึ้นมาอย่างง่ายๆ
EstimateSpending = SpendPerCapita*Population*((InterestFactor/SUMofInterstFactor)^2)
เราก็จะคาดการณ์ได้ว่าน่าจะมีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากแต่ละมหกรรมกีฬาดังนี้
บอลโลก 14,764.71 ล้านบาท
โอลิมปิก 3,798.73 ล้านบาท
เอเชี่ยนเกมส์ 74.16 ล้านบาท
ซีเกมส์ 32.81 ล้านบาท
และเมื่อเราคิดว่าตัวเลขการกระตุ้นทางเศรษฐกิจนี้เป็นเหมือนRevenueที่จะได้กลับมา ส่วนค่าลิขสิทธิ์เปรียบเสมือนเงินลงทุนที่กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น.... เราก็จะหา ROI อย่างง่ายได้
และเมื่อเราคิดว่าตัวเลขการกระตุ้นทางเศรษฐกิจนี้เป็นเหมือนRevenueที่จะได้กลับมา ส่วนค่าลิขสิทธิ์เปรียบเสมือนเงินลงทุนที่กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น.... เราก็จะหา ROI อย่างง่ายได้
ROI = ((EstimateSpending - LicenseFee)/LicenseFee)*100
ผลที่ได้ก็ออกมาตามตารางนี่
มาถึงตรงนี้ก็จะเห็นว่า ROI ของ WorldCup แม้จะมีค่าลิขสิทธิ์สูงถึง1,400ล้าน(ที่ก็ยังว่าแพงจัดแล้ว)
แต่ROIสูงมากถึง955% ก็แปลว่าการลงทุนกับworldcupมีโอกาสทำเงินหมุนเวียนสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มาก
ในทางกลับกันกับSeaGamesครั้งนี้ หากต้องจ่ายถึง28ล้านบาท... ก็ตามตัวเลขข้างบน... 17%
และมีโอกาสกระตุ้นทางเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นกว่าปรกติเพียง32ล้านบาท!?
ถามง่ายๆเมื่อเห็นตารางข้างบนแล้ว
รูปตารางการคิดคำนวณอย่างง่ายๆ
แต่ROIสูงมากถึง955% ก็แปลว่าการลงทุนกับworldcupมีโอกาสทำเงินหมุนเวียนสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มาก
ในทางกลับกันกับSeaGamesครั้งนี้ หากต้องจ่ายถึง28ล้านบาท... ก็ตามตัวเลขข้างบน... 17%
และมีโอกาสกระตุ้นทางเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นกว่าปรกติเพียง32ล้านบาท!?
ถามง่ายๆเมื่อเห็นตารางข้างบนแล้ว
ถ้าคุณเป็นนักลงทุน คุณจะลงทุนไหม... ???
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัย มันจะพอเชื่อได้ไหมหว่า????
ก็ต้องบอกว่าพอผมทำเสร็จ ผมก็ต้องหาRefสิ่ครับ ผมไม่เชื่ออะไรง่ายๆหรอก
ก็ได้ลองเทียบกับค่าของงานวิจัยที่มีการเปิดเผย ของม.หอการค้าไทย ที่มีความเห็นต่อค่าลิขสิทธิ์และผลต่อกิจกรรมบอลโลกครั้งล่าสุด จะเห็นว่ามีค่าในทิศเดียว-ใกล้เคียงกัน ที่18,561ล้านบาท
ก็ต้องบอกว่าพอผมทำเสร็จ ผมก็ต้องหาRefสิ่ครับ ผมไม่เชื่ออะไรง่ายๆหรอก
ก็ได้ลองเทียบกับค่าของงานวิจัยที่มีการเปิดเผย ของม.หอการค้าไทย ที่มีความเห็นต่อค่าลิขสิทธิ์และผลต่อกิจกรรมบอลโลกครั้งล่าสุด จะเห็นว่ามีค่าในทิศเดียว-ใกล้เคียงกัน ที่18,561ล้านบาท
และจากตัวเลขข้างบน ก็ทำreverse engineeringย้อนกลับไปอีกหน่อยก็จะเจอว่า
ค่าลิขสิทธิ์ที่น่าจะพอเหมาะพอควรเมื่อเทียบกับROIที่เท่าๆกัน
ค่าใช้จ่ายสูงสุดไม่ควรเกิน3ล้านบาทเท่านั้น
แต่ถ้าคิดว่าค่าFeeเป็น1%ของ opportunity... มันก็แค่ 3แสนบาท!!!!
ค่าลิขสิทธิ์ที่น่าจะพอเหมาะพอควรเมื่อเทียบกับROIที่เท่าๆกัน
ค่าใช้จ่ายสูงสุดไม่ควรเกิน3ล้านบาทเท่านั้น
แต่ถ้าคิดว่าค่าFeeเป็น1%ของ opportunity... มันก็แค่ 3แสนบาท!!!!
เมื่อมาถึงตรงนี้ถ้าผมได้มีโอกาสแนะนำ ผมก็คิดว่า
ถ้าจะจ่ายใดๆก็ไม่ควรสูงเกิน 3 ล้านบาท
แต่ถ้าไม่ซื้อ ก็คิดว่าไม่มีผลต่อเศรษฐกิจมากนัก
*** ทั้งนี้ย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าอย่าเชื่อผม และผมก็ไม่ได้บอกว่าตัวเลขหรือวิธีการนี้ถูกต้องหรือไม่แต่อย่างใด แต่ถ้าคุณว่ามันMakesenseเพียงพอสำหรับการตัดสินใจ ผมก็ดีใจ
แค่อยากลองเอามาชวนเพื่อนๆคิดดูเล่นๆเป็นCaseStudyของการใช้ประโยชน์GoogleTrendsในอีกมิติก็เท่านั้น เผื่อเพื่อนๆในสายStrategyจะเอาไปลองคิดต่อยอดกับธุรกิจของตัวเอง เหมือนที่ผมช่วยหลายธุรกิจให้Successในยุคที่อะไรก็Uncertaintyนี้ได้
ปล. ถ้าคุณคิดว่าเลข32ล้านบาท ทำไมมันดูน้อยจัง ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ
แต่ถ้าจะตอบคำถามนี้ได้ ผมก็อยากจะถามทุกคนที่มีโอกาสได้อ่านสิ่งนี้ถามตัวเองเร็วๆว่า ถ้ามีกีฬาซีเกมส์คุณจะตั้งใจนัดเพื่อนๆออกไปดูนัดสำคัญนั้นๆอย่างจริงจังทุกmatchที่ร้านอาหารข้างนอก เหมือนตอนนัดเพื่อนไปดูบอลโลกไหม? หรือทำตัวตามปรกติเหมือนทุกวันทั่วไป? นั่นล่ะครับคำตอบ...